สินเชื่อเป็นอย่างไร
“สินเชื่อ” เป็นสิ่งที่เราคิดว่าหลายๆ ท่านคงยังไม่มีความรู้และความเข้าใจมากพอกันอย่างแน่นอน เพราะเรื่องของสินเชื่อเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและต้องเข้าใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่อย่างนั้นอาจกลับกลายเป็นสร้างภาระให้กับตนเองอย่างที่คาดไม่ถึงเลยก็ว่าได้ครับ วันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “วิธีเปรียบเทียบสินเชื่ออย่างไรให้เหมาะกับเราที่สุด” พร้อมกับทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “สินเชื่อ” กันสักหน่อยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปลุยกันดีกว่าครับ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ “สินเชื่อ”
สินเชื่อ หมายถึง สภาพหนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแลกเปลี่ยนเงิน สินค้าหรือบริการ โดยมีสัญญาตกลงกันว่าจะชาระหนี้ ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ สามารถแบ่ง สินเชื่อ ออกเป็น 3 ประเภท อันได้แก่…
- สินเชื่อบ้าน สินเชื่อบ้านเป็นการไปกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร มีงวดชำระยาวนานกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ปกติสิ่งที่นำมาจำนองสินเชื่อนี้ก็คือตัวบ้านหรือที่ดินที่กู้ผ่อนนั่นเอง หากผ่อนต่อไม่ไหว ธนาคารก็จะยึดบ้านหรือที่ดินที่ตั้งจำนองไว้ ภาระผ่อนบ้านทั้งหนักและยาวนาน ยิ่งปีผ่อนเยอะ ดอกเบี้ยยิ่งสูง คนส่วนใหญ่จึงนิยมรีไฟแนนซ์บ้าน
- สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นสินเชื่อที่ผู้คนส่วนใหญ่มักใช้บริการ เพราะเป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักประกันหรือหลักทรัพย์อะไรเลย ก็สามารถที่จะกู้ได้ แถมยังได้วงเงิน 5 เท่าของรายได้และผ่อนชำระเท่า ๆกันทุกงวด ทั้งยังสามารถนำเงินไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
- สินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อธุรกิจเป็นสินเชื่อที่ช่วยคนที่มีธุรกิจ เจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบการ เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการจะขยายสาขา หรือเริ่มธุรกิจใหม่ก็สามารถใช้บริการสินเชื่อประเภทนี้ได้ สินเชื่อธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจมีเงินหมุนเวียนและเป็นไปอย่างราบรื่น
ประโยชน์หลักๆ ของการทำสินเชื่อ
- อนุมัติเป็นเงินก้อน เพื่อนำไปใช้จ่ายยามจำเป็น ถ้ามีแพลนในใจอยู่แล้วว่าอยากได้เงินก้อนมาใช้จ่ายอะไร สินเชื่อส่วนบุคคลนั้นตอบโจทย์แน่นอน เพราะเมื่อเราขอสินเชื่อส่วนบุคคลนั้นเราจะได้อนุมัติมาเป็นเงินก้อนโอนเข้ามาในบัญชีที่ระบุไว้ตอนสมัคร แค่นี้เราก็สามารถถอนเงินออกมาใช้จ่ายยามจำเป็นเลยค่ะ
- ดอกเบี้ยระบุอย่างชัดเจน อีกหนึ่งข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคลคือ “ดอกเบี้ย” นอกจากที่จะได้ดอกเบี้ยที่ถูกแล้วนั้น การขอสินเชื่อส่วนบุคคลยังเป็นดอกเบี้ยตายตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะผ่อนชำระนานหรือเร็วดอกเบี้ยก็จะไม่แปรผันตาม ข้อดีนี้จึงทำให้เรารู้รายจ่ายได้อย่างคงที่ และสามารถจัดการวางแผนทางการของเราได้อย่างไม่ปวดหัวอีกด้วย
- เลือกผ่อนชำระได้ตามใจ คุณเองเป็นคนกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระได้ตามใจ ไม่ว่าจะผ่อนสั้นหรือผ่อนยาว โดยสามารถผ่อนชำระได้สูงสุด 60 เดือน ถ้าคุณประเมินกำลังการจ่ายชำระได้แล้วก็สามารถแจ้งความประสงค์กับทางธนาคารได้เลย
ข้อควรระวังในการตกลงทำ “สินเชื่อ”
- ตรวจสอบจำนวนเงิน และทำความเข้าใจเนื้อหาในสัญญาก่อนเซ็นสัญญาทุกครั้ง
- ห้ามลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่าเด็ดขาด หรือสัญญาที่มีการเว้นเว้นช่องว่างผิดปกติ เนื่องจากผู้ให้กู้อาจจะเติมข้อความหรือเนื้อหาอื่นๆ ในสัญญาหลังจากที่เราเซ็นชื่อไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญญาในอนาคตได้
- ไม่ควรนำโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับการทำประโยชน์ในที่ดิน (น.ส.3) ไปให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน
- สัญญาต้องทำอย่างน้อย 2 ฉบับ โดยให้ผู้กู้ยืมถือไว้ด้วย 1 ฉบับ
- ในสัญญาควรมีลายเซ็นพยานฝ่ายผู้กู้ยืมอย่างน้อย 1 คน
- การชำระหนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ต้องขอรับใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการรับเงินซึ่งมีลายมือชื่อผู้ให้กู้ยืมลงกำกับด้วยทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าได้ชำระหนี้แล้ว
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “สินเชื่อเป็นอย่างไร” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้กันครับ คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นความรู้ที่ดีสำหรับใครหลายๆ คนกันนะครับ